เทคนิคการขับ Prius ให้ประหยัดในทุกสภาพจราจร
เนื่องจากมีโอกาสได้ลองศึกษาและขับ Prius มาซักระยะเลยขอมาแชร์ประสปการณ์ครับ
อันนี้คือเทคนิคที่ผมเองลองแล้วได้ผลมานะครับเพื่อนๆลองเอาไปใช้ดูครับ
ขับ Prius รถติดๆให้ได้ 20 กิโลลิตร
อุปสรรคในการขับขี่ที่มีผลกับการสิ้นเปลืองเคสนี้มีเรื่องเดียวจริงๆครับคือ ปริมาณแบต
ถ้ารถติดตอนที่มีแบตนั้นแทบจะไม่ใช้น้ำมันเลย ไฟฟ้า 100%
ฟังดูเหมือนจะดีนะแต่ความเป็นจริงขับในเมืองรถติดๆแบตแทบไม่เคยเกิน 3 ขีด
ประมาณว่ารถไหลแปร๊บเดียวพอได้แบตมาหน่อยก็ต้องจอดแระ
แล้วถ้าจอดจนแบตต่ำกว่าสองขีดนะ เครื่องจะติดมาทันทีจังหวะนี้เปลืองสุดๆ
ขีดวัดอัตราการสิ้นเปลืองพุ่ง 10 ตลอดครับ
จากที่ผมลองขับรถติดๆ สถิติที่ทำได้ 6-7 L/100 Km ตลอดครับ
หารออกมาก็อยู่ที่ราวๆ 14 กิโลลิตร
แต่วันนี้ผมค้นพบวิธีขับให้ได้ 4-5 L/100 km หรือ 20 กิโลลิตร Up ครับ
เทคนิคการขับ Prius ให้ได้ 20 กิโลลิตร ในช่วงรถติดๆ
อย่างที่ทราบกันแล้วว่ารถติดๆปัญหาหลักคือแบตไม่พอ
เพราะฉะนั้นจังหวะที่รถไหลเราต้องอัดแบตให้ได้เยอะๆเผื่อไว้ใช้ตอนรถติด
หลายท่านที่เคยขับ Prius คงจะเห็นว่าการขับที่ความเร็วต่ำๆไม่เกิน 60 KM/H
รถจะใช้พลังงานจากแบต 100 % ถ้าไม่นับตอนเร่งอ่ะนะครับ
แล้วในสภาพรถติดๆต่อให้หลุดไฟแดงขับเร็วได้ก็ไม่เกิน 60 KM/H แน่นอน
แล้วจะทำยังไงให้รถใช้เครื่องยนต์ช่วยเพื่อให้ลดการใช้แบตได้ล่ะ
เทคนิคมันอยู่ที่การใช้คันเร่งครับ ตอนออกตัวจะค่อยๆกดคันเร่งลงไปครับ
ให้ความเร็วได้ที่แล้วถอนคันเร่งครับและไอ้ตอนถอนนี่แหละครับสำคัญ
ถ้าเราถอนหมดพอกดลงไปใหม่รถมันเริ่มไหลถ้าความเร็วคงที่ในความเร็วต่ำจะไม่ใช้น้ำมันครับ
ใช้ไฟฟ้าอย่างเดียวสังเกตที่ขีดวัดอัตราการสิ้นเปลืองอยู่ที่ 0 ครับ
ข้อดีคือประหยัดแน่นอนครับแต่ข้อเสียคือแบตหมดเร็วไม่มีเหลือใช้ตอนติดไฟแดงแน่ๆ
วิธีแก้คือตอนออกตัวกดคันเร่งลงไปเลยครับมากน้อยแล้วแต่ว่าโล่งแค่ใหน
เลย Eco Zone ไปไม่เป็นไรแต่อย่าให้เลยไปถึง Power Zone ละกัน
ช่วงที่เราเ่ร่งความเร็วนี้สังเกตุ ขีดวัดอัตราการสิ้นเปลืองขึ้น 10 ครับแต่ไม่เป็นไร
พอได้ความเร็วใกล้เคียงที่เราต้องการแล้วก็ถอนคันเร่งแต่อย่าถอนหมดนะครับ
ถอนขึ้นมาซักให้อยู่ตรงกลางหรืออยู่ก่อนสุด Eco Zone มากน้อยแล้วแต่่ว่าเราต้องการคงความเร็วไว้แค่ใหนถ้าเราสังเกตุตอนนี้ขีดวัดอัตราการสิ้นเปลืองจะไม่ตกลงที่ 0 แต่จะค้างอยู่ช่วง 3-5 ซึ่งตรงนี้ถ้ารถวิ่งไหลไปเรื่อยๆมันจะชาจแบตไปด้วยครับผมเคยลองดูแล้ว
ที่ความเร็วแค่ 30 KM/h ยังชาจได้ครับแต่ ขีดจะอยู่ราวๆ 6-7
ถ้าความเร็วเริ่มตกก็กดคันเร่งลงไปใหม่ ถ้ารถยังไหลได้ก็ทำแบบนี้สลับกันไปเรื่อยรับรอง
จอดแยกหน้ามีแบตไว้ใช้แน่นอนครับ
จากการวัดอัตราการสิ้นเปลืองวิธีนี้ผมลองแล้วออกมาดีกว่าครับถึงตอนรถไหลจะไม่ได้ประหยัดมากแต่ก็ดีกว่าปล่อยให้แบตต่ำแล้วเครื่องติดมาชาจแบบว่าขีดพุ่ง 10 ตลอด
ทำให้ตัวเลขออกมาไม่ดีครับ
หมายเหตุ
อัตราการสิ้นเปลืองผมดูจากที่คำนวณออกมานะครับไมได้ดูจากการใช้น้ำมันจริงๆ
แต่ยังไงก็คิดว่าไม่น่าจะคลาดเคลื่อนมาก
เทคนิคการขับให้ได้ 3-4 L/100 Km ในถนนโล่งๆ
ต้องขอบอกไว้เลยครับ Prius ถ้าถนนโล่งๆเนี่ยการขับใ้ห้ได้ 4-5 L/100 Km
หรือ 20 กิโลลิตรนี่ถ้าไม่เหยียบสะบั้นหั่นแหลกจริงๆทำได้ไม่ยาก
ขับแบบชิลๆ ทั่วไปๆเหมือนที่ขับๆกันนี่แหละครับไม่ต้องเน้นอะไรมาก
ตัวเลขออกมา ไม่เกิน 5 L/100 Km แน่นอน
แต่สำหรับวันนี้ผมจะมานำเสนอวิธีการขับให้ได้ 3-4 L/100 Km หรือ 30 กิโลลิตร Up
ออกจากบ้านตอนเช้าเช็คลมยางครับ อย่าให้อ่อนมาก
ก่อนออกวอร์มเครื่องซักหน่อยก็ดีตอน Start เครื่องตอนเช้าๆ
เครื่องจะติดขึ้นมาก็ให้ติดไปจนกว่าจะดับค่อยขับออกมาครับ
ทีนี้เทคนิคการขับก็ไม่ยาก ให้ขับโดยการเน้นดูปริมาณแบตคู่กันไปด้วยครับ
เทคนิคอยู่ที่การถอนคันเร่งเหมือนเดิมครับ
ก่อนออกจากบ้านกำหนดความเร็วในใจไว้เลยว่าจะขับที่ความเร็วเท่าไรสำหรับผมก็ 80-110 Km/h ครับ
เริ่มกันเลยครับ ตอนออกตัวก็ปรกติครับค่อยๆกดคันเร่งลงไป
ตอนเร่งสำหรับผมไม่ซีเรียสครับเลย Eco Zone ได้แต่อย่าให้ถึง Power Zone ก็พอ
ถ้าได้ความเร็วใกล้เคียงกับที่เราต้องการแล้วให้ถอนครับ ตอนถอนให้ดูแบตครับว่ามีเยอะมั้ย
ถ้ามีเยอะก็ถอนให้สุดแล้วกดคันเร่งลงมานิดหน่อยแล้วปล่อยไหลครับ ที่ความเร็ว 80-90 Km/h สังเกตขีดวัดอัตราการสิ้นเปลืองจะอยู่ที่ 0 หรือไม่ก็ไม่เกิน 2-3 L/100 Km แล้วแต่สภาพถนน
ถ้าความเร็วเริ่มตกก็กดคันเร่งลงไปใหม่ทำสลับไปเรื่อยๆแล้วให้สังเกตุว่าแบตจะค่อยๆลดลงครับเพราะขับแบบนี้รถจะใช้พลังงานจากแบตมากกว่าเครื่องยนต์
เอาล่ะได้เวลาชาจแบตกันแล้วครับผมชอบตอนนี้ที่สุดเพราะเราสามารถทำความเร็วขึ้นไปได้ถึง 110 Km/h เลยทีเดียวเทคนิคก็คือ กดคันเร่งลงไปจนได้ความเร็วที่ต้องการครับ
จากนั้นก็ถอนแต่ไม่ถอนสุดนะครับถอนค้างไว้ให้อยู่ซักกลางๆ แต่ไม่ควรเลย ECO Zone ครับขับแบบนี้ความเร็วสามารถทำได้ที่ 110 Km/h ขีดวัดอัตราการสิ้นเปลืองก็อยู่ราวๆ 3-4 L/100 Km เท่านั้นเองครับ ขับไปชาจแบตไปพอแบตเริ่มเต็มก็กลับไปขับแบบแรกที่ความเร็ว 80-90 Km/h ทำแบบนี้สลับกันไปเรื่อยๆครับ
ถึงจุดหมายทริปนี้ 3.x L/100 Km แน่นอนครับ ผมเคยลองแล้ว ได้ 3.3 แต่ถนนไม่ได้โล่งมากต้องมีเบรคบ้างเร่งแซงบ้างบางช่วงแต่ก็ถือว่าโอแล้วครับ
กับสถิติ 30 กิโลลิตร ที่ความเร็ว 80-110 Km/h สลับกันไปถือว่าไม่น่าเกลียดครับ