การรักษาเมื่อเกิดเหลือดกำเดาไหล  สร้างคำถาม

 1,993 view  หมวดหมู่ : คำถามทั่วไป  วันที่สร้าง : 29/09/2011

การรักษาเมื่อเกิดเหลือดกำเดาไหล


หาสาเหตุ แล้วรักษาตามสาเหตุนั้น
1. สาเหตุที่เกิดจากการระคายเคืองหรือบาดเจ็บต่อเยื่อบุจมูก ควรหลีกเลี่ยงการแคะจมูก หรือสั่งน้ำมูกแรง ๆ และ ถ้ามีการอักเสบของโพรงไซนัสหรือแพ้อากาศก็รักษาโรคนั้น
2. ถ้ามีความดันโลหิตสูง ก็ต้องควบคุมความดันให้ปกติ
3. ถ้ามีความผิดปกติของผนังกั้นช่องจมูก หรือเป็นริดสีดวงจมูก หรือเป็นก้อนเนื้องอก อาจรักษาด้วยการผ่าตัด
4. ถ้ามีตับม้ามโตหรือจุดจ้ำเลือดออก ต้องตรวจหาความผิดปกติและรักษาทางโรคเลือด
5. ถ้ารับประทานยาที่อาจทำให้เลือดหยุดยาก เช่น แอสไพริน ควรแจ้งแพทย์ทราบด้วย


ถ้าชอบบทความนี้ กด Like เลย :การรักษาเมื่อเกิดเหลือดกำเดาไหล

 1,993 view  หมวดหมู่ : คำถามทั่วไป  วันที่สร้าง : 29/09/2011


 ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่นี่




× แจ้งเตือน! เราสนับสนุนทุกความคิดเห็น ที่ ใช้ถ้อยคำสุภาพ ไม่ละเมิดผู้อื่น ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง

เนื้อหาที่เกี่ยวช้อง

  ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจหรือจีดีพีมากที่สุดในทวีปยุโรป 10 อันดับแรก ถามเมื่อ (2011-08-13)   2,386 views  (ดูล่าสุดเมื่อ 1 วินาที!!)

  ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจหรือจีดีพี GDP มากที่สุดในทวีปเอเชีย 10 อันดับแรก ถามเมื่อ (2011-08-13)   2,477 views  (ดูล่าสุดเมื่อ 5 วินาที!!)

  ประเทศที่ผลิตระเบิดปรมณูเป็นชาติแรก ถามเมื่อ (2011-10-07)   2,664 views  (ดูล่าสุดเมื่อ 24 วินาที!!)

  1 ถ้วยตวงเท่ากับกี่กรัม ถามเมื่อ (2022-11-07)   867 views  (ดูล่าสุดเมื่อ 36 วินาที!!)

  เขตอากาศของทวีปยุโรป สามารถแบ่งเป็น 7 เขตดังนี้ ถามเมื่อ (2011-08-13)   2,584 views  (ดูล่าสุดเมื่อ 43 วินาที!!)

  ประวัติเลียงผา ถามเมื่อ (2014-06-25)   2,906 views  (ดูล่าสุดเมื่อ 48 วินาที!!)

  ประวัติอุทยานแห่งชาติเขาหลวง ถามเมื่อ (2011-10-07)   2,408 views  (ดูล่าสุดเมื่อ 52 วินาที!!)

  ประวัติหลวงพ่อสูง วัดหนองผักชี ถามเมื่อ (2011-09-06)   12,976 views  (ดูล่าสุดเมื่อ 56 วินาที!!)

  ประวัติสิเรียม ภักดีดํารงฤทธิ์ ถามเมื่อ (2011-09-06)   3,502 views  (ดูล่าสุดเมื่อ 1 นาที)

  ประวัติวันสงกรานต์ ถามเมื่อ (2013-05-25)   2,719 views  (ดูล่าสุดเมื่อ 1 นาที)


 

บ้านเดียวกันดอทคอม เว็บถามตอบ รวมทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ ให้ความรู้ ความบันเทิง มีสาระ
www.ban1gun.com