ทำอย่างไรให้ลูกเรียนเก่ง
ทำอย่างไรให้ลูกเรียนเก่ง
การที่เราจะทำให้ลูกเรียนเก่งและเป็นคนดีด้วยนั้น เริ่มจากที่ตัวของพ่อแม่ก่อน ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้แม่ ตั้งแต่ที่เขาเป็นเด็ก เราต้องเริ่มใส่ใจเขาตั้งแต่เขาอยู่ในท้อง ตอนท้องถ้าเรามีนิสัยอย่างไรลุกก็จะได้รับการถ่ายทอดมาเหมือนๆกัน เมื่อเขาโตขึ้น เราต้องมีการเตรียมความพร้อมให้สมกับวัยของเขา เช่น
ปลูกฝังให้รักการอ่าน
การปลูกฝังให้ลูกรักการอ่านนี้ ไม่ได้หมายถึงการบังคับให้ลูกอ่านหนังสือหรือท่องตำราเรียน แต่นิสัยรักการอ่านต้องเริ่มสร้างกันตั้งแต่เด็กเริ่มสื่อสารได้เลยทีเดียว เราควรอ่านนิทานให้ลูกฟังบ่อย ๆ หรือแม้แต่เวลาออกไปนอกบ้าน เราก็อ่านชื่อร้านอาหาร หรือป้ายโฆษณาให้ลูกฟัง มนุษย์จะสามารถจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีที่สุดเมื่อได้รับข้อมูลด้วยประสาทสัมผัส 2 ส่วนขึ้นไป เช่น ฟังและดูภาพประกอบ หรือดูและวาดเขียนตาม การที่ชมลูกเมื่อเขาสามารถจำสัญลักษณ์หรือโลโก้ยี่ห้อสินค้าต่าง ๆ หรือ นี่จะช่วยกระตุ้นสมองให้รู้จักเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ฝึกให้เด็กได้จินตนาการ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เขาอยากเรียนรู้ที่จะอ่านอีกด้วย
ฝึกสมาธิ
การทำสมาธิเริ่มได้ตั้งแต่อายุ 5-6 ขวบเพราะยังเป็นช่วงอายุที่จิตใจยังผุดผ่อง ไม่มีเรื่องวุ่นวายกวนใจ จึงฝึกได้ง่ายกว่า การให้เด็กฝึกนั่งสมาธิเพียงแค่วันละ 15 นาที โดยกำหนดลมหายใจเข้าออก จะสามารถช่วยให้เด็กจดจำและเขาใจในสิ่งที่เรียนได้อย่างรวดเร็ว ลูกของคุณจะสามารถจดจำสิ่งที่คุณครูสอนในห้องเรียนได้เป็นอย่างดีจนไม่จำเป็นต้องพึ่งโรงเรียนกวดวิชาให้เปลืองสตางค์ เ
กำหนดเวลานอนและกำหนดเวลาในการดูทีวี
เราไม่ควรตามใจให้ลูกนอนตามใจชอบ ต้องมีเวลาในการนอน ขอแนะนำว่าคุณควรจะให้ลูกเข้านอนเป็นเวลาทุกวัน (อาจจะอะลุ่มอล่วยให้ดึกขึ้นได้สักชั่วโมงในวันหยุด) อย่างน้อยจนถึงอายุ 10 ขวบ เด็กควรนอนประมาณ 9-10 ชั่วโมงทุกวัน และเข้านอนไม่เกิน 3 ทุ่ม เพื่อให้โกรว์ธฮอร์โมนซึ่งช่วยในการเจริญเติบโตทำงานได้อย่างเต็มที่ ไม่ง่วงหงาวหาวนอนในเวลากลางวัน สมองปรอดโปร่ง ให้เขาเข้านอน-ตื่นนอนให้เป็นเวลา เราก็จะหมดปัญหากับการขุดลูกออกจากเตียงทุกเช้า ช่วงเวลา 2- 5ขวบ เราควรให้ลูกดูทีวีได้ไม่เกิน 1 ชม เพราะสื่อในทีวีจะทำให้ลูกเอาเป็นแบบอย่าง ถ้าเราอยู่ด้วยเราควรจะบอกว่าในภาพทีวีควรทำไม่ควรทำด้วย อย่าปล่อยให้เขาดูตามลำพัง
ทำกิจกรรมหลากหลาย
อย่ามัวให้ลูกน้อยขลุกอยู่แต่กับมือถือ แท็บเบลต ทีวี เกมคอมพิวเตอร์ หรืออัดตารางเรียนพิเศษแน่นเอี๊ยดให้ลูก เพราะสิ่งเหล่านี้ไมได้ทำให้ชีวิตของลูกคุณดีขึ้น เด็ก ๆ ควรมีโอกาสได้ทำกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น ดนตรี กีฬา สันทนาการ เพื่อที่เขาจะได้พัฒนาทักษะทั้งด้านร่างกาย สังคมและจิตใจอย่างเหมาะสม คุณอาจจะเถียงว่า แต่ใคร ๆ เขาก็เรียนพิเศษกันนะคะ เราไม่เถียงค่ะและเราก็ไม่ได้บอกว่าการเรียนพิเศษเป็นสิ่งไม่ดี แต่คุณควรมีเวลาให้ลูกออกไปเล่นนอกห้องเรียนบ้าง แม้เมืองไทยจะเป็นเมืองร้อน แต่คุณก็ไม่ควรพาลูกไปสิงอยู่แต่ที่ห้างสรรพสินค้า ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปสวนสาธารณะ สนามกีฬาใกล้บ้าน วัด พิพิธภัณฑ์หรือสถานที่อื่น ๆ ดู เด็ก ๆ อาจจะค้นพบความสามารถหรือความสนใจเฉพาะด้านเพิ่มเติมจากกิจกรรมเหล่านี้ก็เป็นได้ เราจะได้รู้พัฒนาการของลูกจากกิจกรรรมต่างๆว่าลูกเราจะมีอนาคตไปในด้านใด ควรส่งเสริมในส่วนที่เขามีความสนใจและชำนาญ ถ้าเขาสามารถทำกิจกรรมบางอย่างได้ดีควรชม ถ้าเขาทำบางอย่างไม่ดีก็ไม่ควรซ้ำเติม ควรให้กำลังใจ
แค่นี้ลูกของคุณก็จะเป็นทั้้งคนเก่งและดี